สอนขับรถ ครูเฮง สอนขับรถบ้าน มานานกว่า 30 ปี ให้พิสูจน์ 2 ชั่วโมง พอใจค่อยเรียน ชำระเงินเป็นรายวัน สอนขับรถยนต์ สอนขับรถเก๋ง สอนขับรถกระบะ สอนขับรถตู้

สอนขับรถ ครูเฮงสอนขับรถบ้าน

สอนขับรถยนต์��� สอนขับรถเก๋ง� สอนขับรถกระบะ�� สอนขับรถตู้
�
ผู้ที่มีรถ และเคยเรียนจากโรงเรียนสอนขับรถยนต์มาแล้ว� แต่ยังไม่เพียงพอ���� ครูเฮงจะช่วยต่อยอด และเติมเต็มในส่วนที่คุณขาด�� จนกว่าจะมั่นใจ และสามารถขับได้ตามลำพังอย่างถูกต้อง��� ให้พิสูจน์การสอนก่อน 2 ชั่วโมง� โดยไม่มีเงื่อนไข และไม่มีข้อผูกมัดใดๆ������ เพื่อเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ�� ระหว่างการสอนตามหลักวิชา� กับการสอนตามความเข้าใจ หรือสอนตามประสบการณ์ของครู� ว่าจะต่างกันอย่างไร�� �เมื่อมีความพอใจค่อยเรียนต่อ�� ชำระเงินเป็นรายวัน ตามวันที่เรียน� ( เรียนแล้วค่อยจ่ายไม่เก็บล่วงหน้า )��� ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจ
����
คุณจะแน่ใจว่า คุณก็เป็นผู้หนึ่งที่สามารถขับรถบนท้องถนน ได้อย่างปลอดภัย

" การทำมาหากินอย่างมี� ศักดิ์ศรี� ต้องให้มีทางเลือก ไม่มีการบีบบังคับ �พอใจผู้ให้ ภูมิใจผู้รับ �ก็จะเป็นความสุข �ความสบายใจซึ่งกันและกัน "
�
การสอนขับรถยนต์

นักขับรถที่ดีต้องขับอย่างมีศิลป์ ต้องใช้ความพิถีพิถันในการควบคุม และบังคับรถให้นุ่มนวล หรือนิ่มนวล ในทุกอิริยาบถ ด้วยความ ประณีตบรรจง บนถนนทุกลักษณะ และทุกสภาพ รู้จักใช้ระดับความเร็วที่เหมาะสม สามารถควบคุมได้อย่างถูกหลักวิชา ไม่ควรขับแบบทำร้ายรถ กระตุก หรือกระชาก จะเป็นการยืดอายุรถ และเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุด้วย

การหมุน พวงมาลัยช้าๆ โดยใช้อัตราส่วนของการหัก และการคืน ทั้งองศา และเวลา ไม่ส่าย ไม่กระตุก หรือกระชากแข่งกับการเคลื่อนตัวของรถ ทำให้สามารถควบคุมทิศทางของรถได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัย ไม่ขาดไม่เกิน ไม่ล้ำเส้นทางรถอื่น และทำให้มีสมาธิในการควบคุมกลไกของรถได้อย่างถูกต้อง ไม่สลับกัน โดยเฉพาะเบรก กับ คันเร่ง เป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางหนึ่ง

ส่วนการหมุนพวงมาลัยไวๆ เหวี่ยง กระตุกหรือกระชาก แข่งกับการเคลื่อนตัวของรถ อย่างที่นิยมปฏิบัติกัน เปรียบได้กับการขว้างปาสิ่งของ เมื่อหลุดจากมือ ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ผู้ที่คุ้นเคยกับการหมุนพวงมาลัยแบบไวๆ เมื่อตกใจมักจะกระชากพวงมาลัยหนี พอเห็นว่าไม่พ้นก็จะเหยียบคันเร่งแทนเบรก เพื่อหลบสิ่งกรีดขวาง และเพื่อหยุดรถ แต่เพราะเท้ายังอยู่ที่คันเร่ง และในขณะนั้นเข้าใจว่าเป็นเบรก รถก็จะวิ่งจนสุดกำลัง ดังจะเห็นได้จากการที่มีรถวิ่งพุ่งชนต้นไม้ข้างทางอย่างแรง ชนเสาไฟฟ้า พลิกคว่ำ วิ่งข้ามเกาะกลางถนน หรือชนประสานงากับรถฝั่งตรงข้ามที่วิ่งสวนทางมา
�� ����������
ครูสอนขับรถที่ดีต้องเข้าใจว่า ธรรมชาติของผู้ที่ยังขับไม่เป็นย่อมจะมีความกลัวเป็นทุนอยู่ก่อน��������� เมื่อผู้เรียนไม่เข้าใจ����� ครูต้องพยายามอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจให้ได้���� ไม่ใช่บังคับให้ผู้เรียนเข้าใจ������� หรือใช้อารมณ์กลบเกลื่อนเมื่อไม่สามารถอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจ����� การสอนที่ใช้อารมณ์����� ยิ่งเป็นการเพิ่มความกลัว��� ทำให้ผู้เรียนขาดสมาธิ����� จะยิ่งทำให้การเรียนเข้าใจยากขึ้น����� และขาดความจำด้วย���� การฝึกก็จะยิ่งยืดเยื้อต้องใช้เวลามากขึ้น��

การสอนขับรถเปรียบได้กับ���� การสอนให้เด็กหัดเดิน����� ต้องสอนอย่างช้าๆ�� ค่อยๆประคองจนกว่าเด็กจะเดินได้เอง������ เด็กเกือบทุกคนเมื่อตอนหัดเดินใหม่ๆ������� มักจะใส่รองเท้ากลับข้าง���� เพราะความเข้าใจของเด็กที่กำลังหัดเดินจะต่างกับความจริง������ ความเข้าใจของคนที่กำลังหัดขับรถก็เช่นกัน������� มักจะต่างกับความจริง������ จึงเป็นเหตุผลที่มีนักขับรถหลายคนสอนคนใกล้ชิดไม่ได้����� เพราะต้องทนกับความเข้าใจที่ผิดของผู้เรียน������ ยิ่งถ้าผู้เรียน และผู้สอนขาดความเกรงใจซึ่งกันและกัน����� ก็ยากที่จะสอนกันได้����� เพราะต่างคนต่างเชื่อมั่นในความคิด และความเข้าใจของตนเอง

ครูสอนขับรถไม่ควรสอนตามความเข้าใจ��� หรือสอนตามประสบการณ์ของตน� แต่ควรจะสอนตามหลักวิชา �( หรือตามบทเรียน )� จะดีกว่า����� ผู้เรียนเกือบทุกคนจะหมุนพวงมาลัยไม่เป็น����� ครูควรสอนให้ผู้เรียนหมุนให้ถูกวิธี��� จะช่วยในการควบคุมทิศทางง่ายขึ้น��� การบอกอัตราส่วนของการหัก และการคืนพวงมาลัย ทั้งองศา และเวลาให้กับผู้เรียนจะทำให้ผู้เรียนเข้าใจ และสามารถควบคุมรถได้ดี���� ไม่ใช่หมุนให้ดูแล้วให้ผู้เรียนทำความเข้าใจเอาเอง����� �
�
ในรถเกียร์ธรรมดา (เกียร์กระปุก)����� ครูต้องสามารถสอนผู้เรียน����� ให้รู้จักการเลี้ยงคลัตช์ได้อย่างถูกต้อง�� ��จึงจะทำให้รถเคลื่อนตัวได้อย่างนุ่มนวล��� ตั้งแต่วินาทีแรก��� โดยไม่สั่น ไม่กระตุก�� หรือไม่กระชากจนเครื่องดับ��� การเลี้ยงคลัตช์ควรจะเป็นการถอนคลัตช์��� ไม่ใช่การปล่อยคลัตช์���� เพราะการปล่อยคลัตช์จะมีปัญหา���� เมื่อเกิดกรณีรถติดแบบเคลื่อนตัว��� ไม่ใช่ติดอยู่กับที่�� แต่เป็นการเคลื่อนตัวเรื่อยๆ หยุดบ้างเคลื่อนบ้าง ในกรณีนี้ถ้าใช้การปล่อยคลัตช์�� แป้นคลัตช์ก็จะเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆสู่ฝ่าเท้า���� ทำให้เหยียบได้ไม่สุด���� รถก็ยังคงเคลื่อนไปเรื่อยๆ��� เมื่อเห็นว่ารถกำลังจะเคลื่อนไปชนรถคันหน้า�������� จึงต้องตัดสินใจหยุดรถ�������� แต่เพราะเท้ายังอยู่ที่คันเร่งก็ จึงเหยียบคันเร่งแทนเบรก����� เหตุการณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้นบ่อย����� หลายคนอาจจะเคยเห็น����� รถที่ขับตามหลังอยู่ดีๆก็พุ่งชนรถคันหน้าอย่างแรง��� สาเหตุเพราะใช้การปล่อยคลัตช์�� ไม่ใช้การถอนคลัตช์�����

การเข้าเกียร์ก็ต้องเข้าใจใช้ศูนย์กลางเกียร์ว่าง ( CENTER )������ เพื่อป้องกันการเข้าผิดเกียร์��� การเช็คเกียร์ว่างก่อนการสตาร์ทรถ� ควรจะเช็คที่สปริงเกียร์ถอยจะแน่นอนกว่าไม่ใช่ใช้วิธีโยกคันเกียร์อย่างที่ทำกัน��� เพราะการโยกคันเกียร์���� ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นเกียร์ว่างจริง��� รถที่บูชคันเกียร์หลวมก็อาจโยกได้เมื่อเกียร์ยังไม่ว่าง�����


ยินดีให้คำปรึกษา ปัญหาการฝึกขับรถ การขับรถ การใช้รถ และ การซื้อรถ



หากมีข้อสงสัย หรือต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม ติดต่อ
08-6061-3169 และ 08-7800-6235 (กรุณาโทรทั้งสองหมายเลข เพื่อยืนยันการโทร แล้วรอการติดต่อกลับ ) ครูเฮงเป็นกันเองกับทุกคน โทรหาครูเฮงไม่ต้องเกรงใจ โทรได้ทุกเวลา
ที่เครื่องเปิด