ร้านอาหารไทยชาววัง ย่านสีลม ขอแนะนำอาหารไทยชาววังในกาพย์เห่ชมเรือ

บุษราคัม สุดยอดโภชนศิลป์ไทยตำรับชาววัง                   ในปีพุทธศักราช 2525 เป็นปีหนึ่งที่สำคัญของชาวไทย เนื่องจากเป็นปีแห่งการฉลองสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี บุษราคัมได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 10 พฤษภาคม ปีเดียวกัน จากความร่วมมือของกลุ่มนักธุรกิจชาวไทยกลุ่มหนึ่งที่เล็งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์อาหารไทยตำรับชาววัง เพื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้แก่ลูกหลานไทยรุ่นต่อไปได้รู้จัก                 และเพื่อความเป็นหนึ่งในด้านความร่วมมือเพื่อสืบสานวัฒนธรรมอาหาร 4 ชาติ รวมเป็นหนึ่งในอาหารไทย ด้วยการปรุงแต่งรสชาติอาหารแบบไทยแท้ ตกแต่งประดับประดาพิถีพิถันตามแบบญี่ปุ่นและฝรั่งเศสเพื่อเพิ่มความน่าลิ้มลองของอาหารไทย และพร้อมเสิร์ฟแบบจีนกับรสชาติอาหารไทยทีละจานๆ เพื่อเพิ่มความอร่อยของอาหารแต่ละจาน                 บุษราคัมเป็นภัตตาคารไทยตำรับชาววังแห่งแรกในกรุงเทพ ที่เคยได้รับโล่ห์ชมเชยจาก CHAIN DES ROTISSEURS  สมาคมนักชิมของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2528 ทั้งยังได้รับการบันทึกลงใน  COURVOISIER’S BOOK OF THE BEST  ซึ่งเป็นหนังสือจากประเทศอังกฤษที่รวบรวมสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกกว่า 2,000 แห่ง อาทิ ภัตตาคาร คลับ โรงแรม และอื่น ๆ อีกมากมาย จัดทำขึ้นโดย ลอร์ด ลิชฟิลด์  (LORD LICHFIELD) แห่งประเทศอังกฤษ  และคณะทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 200 คน เพื่อแนะนำนักชิม นักเที่ยว ได้มีโอกาสสัมผัสสิ่งที่ดีที่สุด จากสถานที่ที่ดีที่สุดในกรุงเทพ ท่านลอร์ด  ลิชฟิลด์ ได้มาเยือนภัตตาคารบุษราคัม ด้วยตัวท่านเอง และหลังจากที่ท่านรับประทานอาหารที่บุษราคัมอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว ท่านได้ยกย่องให้ “บุษราคัม” เป็นหนึ่งในภัตตาคารที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นภัตตาคารมีระดับของโลกโดยนิตยสาร NEWSWEEK จากชื่อเสียงที่ขจรไกลไปทั่วโลกนี้ ทำให้บุษราคัมได้มีโอกาสต้อนรับแขกวีไอพีระดับโลก    อาทิ  กษัตริย์กุสตาฟแห่งสวีเดน,  อดีตนายกรัฐมนตรีแคนาดา นายปีแอร์ ทรูโด และได้รับการเผยแพร่ข่าวไปทั่วโลกจากทีมข่าวของหลายๆ ประเทศที่เดินทางมาถ่ายทำ เช่น รายการ “ ลุคกิ้ง อีสต์” ซึ่งเป็นรายการในสหฐถึง 45 รัฐ, มิสเคอร์รี่ เท็น เคท นักเขียนจากประเทศอังกฤษ นำไปลงนิตยสาร คอสโมโพลิทัน ในความเห็นของชาวต่างชาติที่ได้มีโอกาสมาลิ้มรสอาหารที่ภัตตาคารบุษราคัม มักจะกล่าวขานต่อมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “รับประทานอาหารที่ภัตตาคารบุษราคัม เหมือนกับได้ลิ้มรสวัฒนธรรมของไทยไปด้วย”                 อาหารเรียกน้ำย่อยที่เป็นพระเอกของที่นี่ คือ “แสร้งว่า” พล่ากุ้งเสิร์ฟในน้ำเต้าแกะสลักเป็นรูปผอบเปิดฝารับประทานแบบเมี่ยงห่อในใบกระหล่ำปลีตัดพอคำโรยหน้าด้วยปลาดุกฟู รสออกเปรี้ยวนิดๆ ตามด้วยกลิ่นหอมของเครื่องปรุง หัวหอม ตะไคร้ และขิงผสมเข้ากันดีจนกลมกล่อมซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของบุษราคัม                 อาหารเรียกน้ำย่อยอีกจานที่น่าลิ้มลอง คือ “ขนมเบื้องไกรลาส” เนื้อมะพร้าวกะทิป่นเคล้ากับเนื้อกุ้ง เต้าหู้สับ ถั่วงอกนึ่ง ห่อในแป้งกับไข่ตีให้เข้ากัน กรอกบางๆ ในกะทะจนกระทั่งเหลืองกรอบน่ารับประทาน                 ต้มยำกุ้งรสชาติกลมกล่อมแบบสามรสเกี่ยวก้อย เปรี้ยว เค็ม หวานเนื้อกุ้ง และมันหัวกุ้ง                 “น้ำพริกบุษราคัม” คือน้ำพริกกะปิและผักจิ้มแนมกับปลาดุกฟู  อาหารที่นี่จะปรุงรสได้มาตรฐาน แต่สำหรับท่านที่พาเพื่อนต่างชาติมาอาจสั่งความเผ็ดให้ลดลงได้                 นอกจากอาหารไทยยอดนิยม เช่น  หมี่กรอบชาววัง ฯลฯ แล้วยังมีอาหารไทยโบราณอีกนานาชนิด ได้แก่ หรุ่ม และแสร้งว่า ส่วนอาหารที่ใช้ศิลปะตกแต่ง และ ตั้งชื่อให้น่าพิศวง เช่น ช่อม่วง และ ถุงเงินยวง  มิใช่แต่ชื่อเท่านั้นที่เชิญชวน รสชาติยังอร่อยจนลืมอิ่ม แสดงให้เห็นถึงศิลปะการตั้งสำรับของคนไทยที่ประดิษฐ์ประดอย นอกเหนือไปจากคุณค่าอาหารผักสดที่รับประทานแกล้มและสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงรส นับเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของอาหารไทย สำหรับของหวานจะเลือกทานเป็นขนมหวานหรือผลไม้รวมก็ได้ นอกจาก บัวลอยสามสี  หวานเบญจรงค์ ไอศรีมกะทิ ยังมีขนมชุดบุษราคัม จะเป็นขนมไทยและผลไม้ 8 อย่าง เสิร์ฟให้เลือกรับประทานในสำรับทองเหลือง                 สำหรับหน้าร้อน ทางภัตตาคารบุษราคัม จัดเทศกาลข้าวแช่ชาววัง เพื่อให้คุณคลายร้อน และสัมผัสรสชาติและความอร่อยของข้าวแช่ตามตำรับโบราณอย่างครบเครื่อง มีทั้ง กะปิทอด พริกหยวกสอดไส้ทรงเครื่อง หอมสอดไส้ ทั้งสามอย่างนี้จะมีส่วนผสมที่ต่างกันออกไป แต่ที่เหมือนกันก็คือ จะสอดไส้ด้วยเนื้อหมูกับกุ้ง โดยเฉพาะกะปิทอด ที่ต้องใช้เวลาทำนานที่สุด เพราะต้องเคี่ยวกะปิให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม แต่พอเสร็จออกมารับรองว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง แล้วยังตามมาด้วย หัวผักกาดผัดหวาน เนื้อเค็มผัดหวาน และปลายี่สน ซึ่งเป็นปลาน้ำเค็ม แต่นำมาผัดหวาน นอกจากนี้ยังมีเครื่องแนมพวก กระชาย มะม่วง แตงกวา และต้นหอม แกะสลักอย่างสวยงามไว้รับประทานร่วมกัน และที่จะขาดเสียมิได้ ก็คือ ข้าวเม็ดสวยที่แช่ด้วยน้ำซึ่งมีกลิ่นหอมของดอกมะลิและน้ำแข็งเย็นชื่นใจ รับประทานแล้วก็ช่วยคลายร้อนไปได้ทีเดียว                 สำหรับท่านที่พิศมัยการดื่มไวน์ก็สามารถสั่งได้ ที่บุษราคัมมีไวน์ทั้งขาวและแดงจากฝรั่งเศส อิตาลี สเปน โปรตุเกส อเมริกา และออสเตรเลีย สำหรับค็อกเทล ทางร้านมีให้สั่งได้ตลอดเวลา ที่ไม่ควรพลาดคือ บุษราคัมสเปเชี่ยล จะเป็นวิสกี้ไทยผสมน้ำผลไม้เพื่อเพิ่มรสชาติแบบไทยให้ทุกมื้อ บุษราคัมจัดบุฟเฟ่ต์อาหารไทยไว้คอยบริการสำหรับมื้อกลางวันทุกวัน เวลา 11.00 -14.00 น. ส่วนมื้อค่ำเปิดบริการตามปกติ  เวลา 17.00 - 22.30 น. ที่จอดรถสะดวกสบาย         เพื่อประกันความผิดหวังโปรดสำรองโต๊ะล่วงหน้าที่ 139 อาคารเศรษฐีวรรณ ถนนปั้น สีลม กรุงเทพฯ 10500 โทร. 02-266-6312-6 website : http://www.bussaracum.com/">www.bussaracum.com   email : [email protected]