ฟื้นฟูเซลล์ด้วยเซลล์ชีวิต

หน้าแรก » อาหาร และ สุขภาพ » อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ

ฟื้นฟูเซลล์ด้วยเซลล์ชีวิต




สเต็มเซลล์ (Stem Cell)

สเต็มเซลล์ (Stem Cell)หรือที่เรียกว่าเซลล์ต้นกำเนิด เป็นเซลล์อ่อนที่พร้อมจะเจริญเติบโตแบ่งตัวเองขึ้นมาใหม่ และเปลี่ยนแปลงเพื่อไปทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง เซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายของมนุษย์ จะทำหน้าที่จำเพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยไม่ย้อนกลับมา ซึ่งเซลล์ที่พัฒนาไปจนสุดทางจน เป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง

คุณประโยชน์ที่บริสุทธิ์
- ปัจจุบันรักษาได้มากกว่า 70 โรค
- สามารถขยายตัวเองได้ตลอด โดยร่างกายไม่ต่อต้าน และไม่มีผลเสียต่อร่างกาย
- ได้รับการยอมรับแล้วจากวงการแพทย์ชั้นนำทั่วโลก Cell Therapy (การฟื้นฟูเซลล์ด้วยเซลล์ชีวิต)
           การฟื้นฟูเซลล์ด้วยเซลล์ชีวิต คือการซ่อมแซมเซลล์ของร่างกาย ชะลอความเสื่อมและความชรา และฟื้นฟูภูมิชีวิตป้องกันมะเร็ง โดยใช้หลักการเซลล์ซ่อมเซลล์ ซึ่งเป็นการดูแลรักษาความเจ็บป่วยที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ที่ต้นเหตุ นั่นคือการซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ โดยใช้เซลล์ชีวิตซึ่งประกอบด้วยหน่วยย่อยของโปรตีนที่เรียกว่า เปปไทด์ ซึ่งอยู่ในเซลล์นั้นๆ แนวคิดของวิชานี้ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การแพทย์ตั้งแต่ 2,400 กว่าปีมาแล้ว มาจากบิดาแห่งการแพทย์ของโลกคือ Hippocetes ซึ่งกล่าวถึงการซ่อมแซมเซลล์ที่เหมือนกัน เช่น ผู้ป่วยโรคตับ ก็ต้องใช้ตับมารักษา ทำนองเดียวกับโรคไต โรคหัวใจ          เมื่อประมาณ ค.ศ.1931 ศาสตราจารย์ นพ.พอล นีฮาน(Dr.Paul Niehans) ศัลยแพทย์ชาวสวิส ได้ค้นพบว่าเซลล์ที่เหมือนกันจะเดินทางไปรักษา ไปซ่อมแซมเซลล์ที่อยู่ในอวัยวะเดียวกัน เช่น เซลล์ของตับก็จะเดินทางไปรักษาตับ เซลล์ของหัวใจก็จะเดินทางไปรักษาหัวใจ แม้กระทั่งอวัยวะเล็กๆ เช่น ต่อมหมวกไต ประสาทตา เซลล์จอตา หรือ เซลล์สมองพวก Cerebrum, Cerebellum ก็จะยังเกิดขบวนการซ่อมแซมภายหลังจากที่ได้รับเซลล์ชีวิตเข้าไป ทฤษฎีนี้เรียกว่า Cell Heals Cell          การค้นพบของ ศ.นพ.นีฮาน นับเป็นความบังเอิญที่สำคัญ เนื่องจาก ศ.นพ.นีฮาน ขณะนั้นเป็นศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายต่อมไร้ท่อมือของสวิส ท่านมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งมีอิทธิพลต่อการค้นคว้าของท่านอย่างมากคือ Dr.H.W.CUSHING (1869 - 1939) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเยลล์ ทั้งสองเดินทางไปมาหลายครั้งและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านต่อมไร้ท่อกันอยู่เสมอ วันหนึ่ง ศ.นพ.นีฮาน ได้รับการปรึกษาให้ปลูกถ่ายต่อมพาราไทรอยด์ให้กับผู้ป่วยคนหนึ่ง ซึ่งถูกตัดต่อมนี้โดยอุบัติเหตุจากการผ่าตัดไทรอยด์ ผลคือหลังจากการพักฟื้น เธอก็เริ่มมีอาการชักกระตุก เนื่องจากขาดฮอร์โมนพาราไทรอยด์ เมื่อ ศ.นพ.นีฮาน เดินทางไปถึงคนไข้อยู่ในภาวะชักกระตุกรุนแรง ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ ศ.นพ.นีฮาน จึงตัดสินใจบดต่อมพาราไทรอยด์จากสัตว์ที่เตรียมมาจนแตกละเอียดในน้ำเกลือ แล้วนำน้ำที่ได้จากการบดนั้น ฉีดเข้ากล้ามเนื้อให้กับผู้ป่วย ผลปรากฎว่าผู้ป่วยหายจากอาการชักเกร็ง จนต่อมาอีก 25 ปี ก็ไม่มีอาการใดๆ          แม้แต่ ศ.นพ.นีฮาน เองก็ยอมรับว่า เขาเองก็แปลกใจพอๆ กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ของวันนั้น เนื่องจากเขาคิดว่าผู้ป่วยคงจะหายจากการชักเกร็งชั่วคราว ซึ่งฮอร์โมนสดที่ได้จากการบดต่อมพาราไทรอยด์สด มีผลทำให้ผู้ป่วยกลับหายขาดเป็นเวลาต่อมาอีกหลายปี โดยในหลัง ศ.นพ.นีฮาน ก็ค้นพบหลักการของ ทฤษฎีเซลล์ซ่อมเซลล์ นั่นเอง          นพ.ฮานส์  ชมิดท์ (Dr.Hans Schmidt) เป็นบิดาแห่งชีววิทยาภูมิคุ้มกัน(Immuno Biology) ของวงการแพทย์เป็นเวลากว่าทศวรรษที่ นพ.ฮานส์  ชมิดท์ได้ศึกษาเกี่ยวกับปฎิกิริยา ต่อต้านทางภูมิคุ้มกัน ที่เกิดขึ้นเมื่อมีโปรตีนแปลกปลอมหลุดเข้าไปในกระแสเลือด สิ่งที่ ศ.นพ.นีฮานทำอยู่  นพ.ฮานส์  ชมิดท์ถือว่าเป็นอาชญากรรมเลยทีเดียว นพ.ฮานส์  ชมิดท์ จึงตัดสินใจเดินทางไปเฝ้าดู ศ.นพ.นีฮานทำการเตรียมสารละลายจากเซลล์ของอวัยวะสด แล้วฉีดยาให้ผู้ป่วย และรอดูอาการผู้ป่วยที่ได้รับเซลล์บำบัดด้วยตนเอง ก่อนที่ นพ.ฮานส์  ชมิดท์จะจาก ศ.นพ.นีฮานเขาได้พูดว่า
         "คุณได้ทำลายงานวิจัยค้นคว้าตลอดชีวิตของผม ด้วยการฉีดยาเพียงเข็มเดียว" ศ.นพ.นีฮาน ส่ายศีรษะและพูดว่า "ข้าพเจ้าไม่ได้ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน การค้นคว้าของท่านยังอยู่ถูกต้องทุกอย่าง โปรตีนเก่าจะทำตัวเหมือนสิ่งแปลกปลอมและเกิดการต่อต้านภายใน 8 นาที แต่ไม่ใช่ Protoplasm ที่ยังอ่อนอยู่ แทนที่จะต่อต้านกลับไปซ่อมแซมอวัยวะ" ศ.นพ.นีฮานผู้มีรูปร่างผอม สูง นิ่ง พูดน้อยและถ่อมตน ตอบกลับไปอย่างสุภาพ          การรักษาวิธีนี้ในช่วงแรกๆ จะใช้ในกลุ่มบุคคลชั้นนำ เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูง ผู้รักษาต้องพักอยู่ในศูนย์บำบัดทางการแพทย์ 1 สัปดาห์ Live Cell Therapy มีชื่อเสียงมาก เมื่อคราวที่พระสันตะปาปา Pius ที่ 12 ป่วยหนัก มีอาการไม่สบายมาก สะอึกตลอดวันตลอดคืน รับประทานอาหารไม่ได้ นอนไม่หลับ จึงได้เชิญ ศ.นพ.นีฮานไปรักษา ศ.นพ.นีฮานตัดสินใจรับรักษาพระสันตะปาปา ที่กรุงโรม ด้วยวิธี Live Cell Therapy ประมาณ 1 เดือน พระส้นตะปาปา Pius ที่ 12 ก็กลับฟื้นขึ้นมาและมีสุขภาพแข็งแรงได้ราวปฎิหาริย์ ต่อมาท่านพระสันตะปาปาได้แต่งตั้ง ศ.นพ.นีฮาน ในฐานะ Papal Academy of Science เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงความดีงามที่ ศ.นพ.นีฮาน ได้ทุ่มเททวายการรักษาพระองค์          บุคคลเหล่านั้นหลายคนรู้สึกดีที่จะยอมรับว่า เขาได้ร้บประโยชน์และช่วยฟื้นฟูความเป็นหนุ่มสาว ตลอดจนความมีชีวิตชีวากลับคืนมาด้วย CELL THERAPY ซึ่งรวมทั้งตัวของ ศ.นพ.นีฮานเองด้วย อย่างไรก็ตามรายชื่อบุคคลสำคัญที่เปิดเผยต่อสาธารณชน ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก หากจะนำมาเป็นตัวอย่างเพียงบางส่วน ดังเช่นบุคคลต่อไปนี้ King George VI Of England, Kings Of Morocco And Yemen, Iba Saud Of Saudi Arabia, King Faisal, The Emperor And Empress Of Japan, Aga Khan And The Begum, The Duke And Duchess Of Windsor, Gen. Charles De Gaulle, Konrad Adenauer, Marlene Dietrich, Greta Garbo, Charlie Chaplin, Maurice Chevalier, Dwight D.Eisenhower, Winston Churchill, Thomas Mann, Christian Dior, Georges Braque. ต่อมา ศ.นพ.นีฮาน ได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัย TUBINGEN ให้เข้ารับดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์จากการค้นคว้าของเขา โดยหนังสือแนะนำจาก THEODOR HEUSS ประธานาธิบดีคนแรกของเยอรมันตะวันตก Peptide RNA           ศาสตราจารย์ นพ.คาลล์ ทอยเรอร์(Dr.Karl Theurer) ชาวเยอรมัน ได้พัฒนการรักษา โดยใช้สารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA) ซึ่งได้ตั้งสมมุติฐานว่า ความสำเร็จของ Live Cell Therapy น่าจะเกิดจากสารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA) ที่อยู่ภายใน Cytoplasm ของเซลล์ที่ยังคงลักษณะทางชีวภาพไว้ได้(Bioavailability) ศ.นพ.ทอยเรอร์ ค้นพบวิธี Acid-vapour-lysis และ Lyophylized Organ Powder คือการแยกสารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA) ภายในเซลล์ ด้วยการใช้กรด(ไม่ใช้น้ำ)ย่อยผนังเซลล์ภายใต้ความเย็นสูง แล้วแยกนิวเคลียสของเซลล์ออกไปสกัดเฉพาะ Cytoplasm เก็บภายใต้ภาวะสูญญากาศ ทำให้สามารถคงลักษณะชีวภาพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ สารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA) ที่สกัดได้จากขบวนการดังกล่าวยังทำให้เอกลักษณ์ของเซลล์ ซึ่งอยู่บนผนังเซลล์ถูกลบออกไป จึงไม่มีการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ปราศจากการแพ้โดยสิ้นเชิง แต่สารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA) นั้นยังคงสภาพทางด้านความจำเพาะเจาะจงต่ออวัยวะได้อย่างครบถ้วน(Homing Effect)คือ สารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA)ที่ได้จากเซลล์ของวัยวะหนึ่ง จะไปรักษาอวัยวะนั้นๆ อย่างจำเพาะเจาะจง วิธีการดังกล่าวได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตรเมื่อปี ค.ศ.1950 รัฐบาลเยอรมันได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาที่ทำจากสารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA) จำนวน 100 ตำรับ และใช้รักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์มาจนถึงปัจจุบัน          ต่อมาเมื่อประมาณ 25 ปีที่ผ่านมานี้ ศาสตราจารย์ ดร.ไซเฟิร์ท(Dr.Med.Seifert) ได้ทำการทดลองโดยใช้เซลล์ 3 ชนิดคือ Liver, Myocardium และ Kidney ย้อมด้วยกัมมันตภาพรังสีแล้วฉีดเข้าไปในหนู หลังจากฉีดแล้วได้ติดตามเซลล์ที่ฉีดเข้าไป โดยการตรวจหาสารกัมมันตภาพที่สะสมอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ทุก 2 ชั่วโมง จนครบ 8 ชั่วโมง พบว่าเซลล์ที่เหมือนกันจะเดินทางไปยังเซลล์ชนิดเดียวกันคือ Liver ไปยัง Liver, Myocardium ไปยัง Myocardium, Kidney ไปยังKidney โดยตรวจพบว่าเซลล์ที่ย้อมสารกัมมันตภาพ จะเดินทางไปยังอวัยวะนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง ดร.ไซเฟิร์ทเรียกปรากฎการณ์ที่เขาค้นพบนี้ว่า Homing Effect ซึ่งเป็นการพิสูจน์สิ่งที่ฮิปโปเครตีสได้บันทึกไว้ และเป็นการยืนยันว่า สิ่งที่ ศ.นพ.นีฮานค้นพบนั้น พิสูจน์ได้          ในห้วงอายุของมนุษย์ โดยทั่วไปเซลล์ต่างๆ จะแบ่งตัวชดเชยการสึกหรอประมาณ 50 - 60 ล้านครั้ง จากการศึกษาพบว่า สารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA)คือ เปปไทด์ที่ช่วยเพิ่มการแบ่งตัวของเซลล์มนุษย์มากขึ้นไปกว่าเดิมอีกประมาณ 4 - 6 ล้านครั้ง ซึ่งเท่ากับว่าทำให้ช่วงอายุของคนเรายืนยาวขึ้นและแข็งแรงขึ้น จากการทำงานของเซลล์ต่างๆ มีหน้าที่หลัก คือการสร้างโปรตีน แล้วโปรตีนที่ได้ก็ไปทำหน้าที่ต่างๆ เช่น เป็นน้ำย่อย เป็นฮอร์โมน เป็นเนื้อเยื้อ ฯลฯ การสร้างโปรตีนในเซลล์จะคล้ายการปั้มตรายาง เมื่อใช้ไปนานๆ เข้า น้ำหมึกเริ่มแห้ง ตรายางเริ่มสึก คุณภาพของการปั้มก็จะเสียไป สารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA)จะไปซ่อมแซม ดุจการซ่อมตรายางและเติมน้ำหมึก ทำให้คุณภาพการปั้มดีขึ้น นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า สารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA) สามารถช่วยกำจัดเซลล์ผิดปกติ ตลอดจนคำสั่งที่ผิดพลาดต่างๆ ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งจึงใช้เป็นการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งได้หลายชนิด          ปัจจุบันมีแพทย์ประมาณ 20,000 คน ในยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน ที่ใช้สารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA)ในการรักษาผู้ป่วย และมีประเทศที่ให้การรับรองด้วยวิธีนี้ทั่วโลก จำนวน 60 ประเทศ มีผู้เข้ารับการรักษาทั่วโลกประมาณ 180 ล้านคน โรคที่ได้รับการระบุว่าสามารถรักษาได้ด้วยสารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA)คือ โรคความเสื่อมทุกประเภท โรคหัวใจ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตต่ำ ภูมิแพ้ รูมาตอยด์ กระดูกเสื่อม ไตวาย หัวใจล้มเหลว เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ วัยทอง ความพิการทางสมอง ระบบประสาทถูกทำลาย โรคเครียด โรคตับ โรคสมองเติบโตช้าในเด็ก ปัญญาอ่อน โรคเลือด โรคเหงือกและฟัน โรคของตับอ่อน ต้อหิน ต้อกระจก ภูมิคุ้มกันต่ำ ภูมิคุ้มกันไวเกิน โรคหู โรคตา โรคผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ภาวะมีบุตรยาก โรคผิวหนัง โรคเส้นเลือดตีบ พาร์กินสัน แผลในกระเพาะอาหาร มีสถิติที่น่าสนใจคือ โรคเรื้อรังต่างๆ รวมทั้งโรคที่สิ้นหวัง มีอาการดีขึ้นได้ 80 %          ส่วนเรื่องอาการแพ้หรือผลข้างเคียงนั้น ยังไม่เคยมีรายงานอาการแพ้รุนแรงแม้แต่รายเดียว ตลอดเวลานานกว่า 50 ปี ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม วารสารSonderdruck ปีที่ 9 เดือน กันยายน 1978 ได้ตีพิมพ์รายงานโดย Dr.Richard Weber เกี่ยวกับการใช้สารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA) เพื่อต่อต้านความชราและฟื้นฟูสุขภาพ(Anti-aging) เป็นประสบการณ์ 10 ปี ซึ่งได้ผลการรักษาสูง 90 % ส่วนปฎิกิริยาไม่พึงประสงค์ พบเพียงครั้งเดียว คือ อ่อนเพลีย เพียงรายเดียว จุดเด่นของสารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA)          1. รักษาโรคที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล          2. ปราศจากการแพ้ หรือผลข้างเคียง          3. สามารถใช้กับเด็กทารกอย่างปลอดภัย เหมือนกับการใช้สารอาหาร          4. แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่รักษาที่อาการ         5. เป็นการฟื้นฟูร่างกายทั้งระบบ การเจ็บป่วยของมนุษย์ไม่ได้เกิดเพียงอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง แต่มักจะเชื่อมโยงทั้งระบบ         6. ชะลอความเสื่อม ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น"GIVE LIVE MORE YEARS AND GIVE YEARS MORE LIVE" ถาม - ตอบ เกี่ยวกับเปปไทด์ชีวภาพ เปปไทด์ชีวภาพ อาหารเสริมสำหรับเซลล์ คืออะไร?          Peptide RNA คือหน่วยย่อยที่เล็กกว่าโปรตีน เป็นสารธรรมชาติที่ทำหน้าที่ภายในเซลล์ ช่วยการประสานงานภายในเซลล์ และช่วยฟื้นฟูหน้าที่การทำงานของเซลล์ต่างๆ  ซึ่งรวมไปถึงการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นทดแทน เซลล์เก่าที่ตายไปด้วย เปปไทด์ชีวภาพ อาหารเสริมสำหรับเซลล์ มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?          เปปไทด์ชีวภาพ มีความปลอดภัยมากกว่าการรับประทานเนื้อสัตว์ เนื่องจากไม่มีโปรตีน จึงไม่มีการแพ้ แม้ในคนที่มักจะแพ้อาหาร ไม่มีสารเคมีแปลกปลอม ขบวนการผลิตใช้มาตรฐานของการผลิตยา ซึ่งจะไม่มีสิ่งปลอมปน ปลอดภัยจากการปนเปื้นทุกชนิด ไม่ปรากฎรายงานผลข้างเคียงใดๆ จากการใช้ในประเทศยุโรป มาประมาณ 50  ปี          อนึ่ง ในระหว่างการซ่อมแซมเซลล์ อาจมีอาการดังต่อไปนี้เกิดขึ้นได้ เช่น ปวดศีรษะ ง่วงนอน ปวดตามจุดต่างๆ ร้อนตามตัว โดยเฉพาะในผู้ที่การไหลเวียนของเลือดลมติดขัดส่วนใดส่วนหนึ่ง การซ่อมแซมร่างกาย จะไปเปิดทางเดินของเลือดลมที่ติดขัดนั้น ดังนั้นในตอนแรกจึงมีอาการปฎิกิริยาในบริเวณที่มีปัญหา อาการเหล่านี้เป็นอาการที่พึงประสงค์เพื่อจะช่วยให้ร่างกายปรับสมดุล กล่าวคือขบวนการของร่างกายพยายามซ่อมแซมส่วนที่มีปัญหาแล้ว เช่น เปิดทางเดินเลือดลมที่ติดขัด, ปรับสมดุลของภูมิคุ้มกัน อาการต่างๆ เหล่านี้จะหายไปภายในระยะเวลาอันสั้น พร้อมกับการที่ร่างกายแข็งแรงขึ้น หากมีอาการปฎิกิริยาเกิดขึ้น จึงควรรับประทานเปปไทด์ชีวภาพต่อไปจนกว่าอาการปฎิกิริยาจะหมดไปเอง เปปไทด์ชีวภาพมีหลักการทำงานอย่างไร?          เปปไทด์ชีวภาพ ใช้หลักการซ่อมแซมเซลล์ ด้วยการทดแทนเปปไทด์ที่สึกหรอและขาดหายไป จากการใช้งานมานาน ตั้งแต่เราเกิดมาจนกระทั่งเกิดความเสื่อม เมื่อเปปไทด์ที่ดีได้รับการชดเชย ทดแทน เซลล์ก็จะกลับมาทำหน้าที่ได้ดีดังเดิมอีก และเริ่มขบวนการซ่อมแซมเซลล์ เพื่อทดแทนส่วนที่เสียหายไปแล้ว เปปไทด์ชีวภาพใช้ได้กับทุกคนหรือไม่?          เปปไทด์ชีวภาพ สามารถใช้ได้กับทุกคน ทุกวัย แม้ในเด็กเล็ก ซึ่งการรับประทานเปปไทด์ชีวภาพก็เหมือนกับการกินสารอาหารประเภทอมิโน เอซิด ในปริมาณที่น้อยระดับนาโนกรัม ขนาดรับประทานในคนปกติ และคนป่วย หรือผู้สูงอายุ          ในคนปกติที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า ส่วนผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ รับประทานครั้งละ  1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า และก่อนอาหารกลางวัน ข้อห้ามในการใช้เปปไทด์ชีวภาพ          ยังไม่พบข้อห้ามในการใช้เปปไทด์ชีวภาพ ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถใช้ได้หรือไม่?          ในการศึกษาพบว่า เปปไทด์ชีวภาพสามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งได้ ช่วยปกป้องเซลล์ที่ยังไม่ถูกมะเร็งทำลาย  และช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวที่ช่วยการกำจัดเซลล์มะเร็ง Neygeront นักวิทยาศาสตร์เยอรมัน สามารถแยกสารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA)ออกมาจากPlacenta และค้นพบอีกว่า ในPlacenta มีGrowth Factor และEnhancing Factor มากกว่า 9,000 ชนิด          ความลับของPlacentaเริ่มได้รับการเปิดเผยมากขึ้น จากเดิมที่เราได้ยินว่าชาวจีน ได้นำเอาPlacenta มาใช้รักษาโรคและเสริมความงาม มาเป็นเวลาช้านานแล้ว ความก้าวหน้าในทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีจากเยอรมันทำให้เราได้สารเปปไทด์ชีวภาพ (Peptide RNA)ที่มาจากPlacenta และอุดมด้วยGrowth factor ซึ่งเป็นวิธีการของธรรมชาติ ในการกระตุ้นการเจริญเติบโตด้านอวัยวะร่างกายของทารกในครรภ์ทุกระบบ โดยผ่านจากPlacenta นี้เอง Growth factor ต่างๆ ที่จะช่วยการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมของร่างกายทุกอวัยวะ ทุกระบบ เช่น          Neural Cell Growth Factor ช่วยการฟื้นฟูของระบบประสาท          Epidermis Enhancing Factor ช่วยดูแลผิวพรรณ          Insulin like Growth Factor ช่วยชะลอความชรา          Immunce Enhancing Factor ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ในPlacenta ยังมี Stem Cell Stimulating Factor ซึ่งจะช่วยกระตุ้น Stem Cells ในร่างกายที่อยู่ในภาวะพักให้กลับมามีชีวิต เหมือนกับการเปิดสวิทซ์ ให้Stem Cells เริ่มการทำงาน ในการซ่อมแซมร่างกาย และพบว่าสารเปปไทด์ชีวภาพ(Peptide RNA) สามารถกระตุ้น Stem Cells ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติถึง  10  เท่า ผลที่คาดว่าจะได้รับ ในเดือนที่ 2 พละกำลังดีขึ้น ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหายไป สีผิวกระจ่างขึ้น ในเดือนที่ 3 การนอนหลับดีขึ้น ความมีชีวิตชีวากลับคืนมา ผิวหนังที่แห้งเหี่ยวจะนุ่มชุ่มชื้นขึ้น ในเดือนที่ 4 การนอนหลับดีขึ้นมาก และตื่นขึ้นมาไม่อ่อนเพลีย ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ผิวหนังจะละเอียดขึ้นและนุ่มขึ้น ทั่วทั้งร่างกาย ในเดือนที่ 5 การนอนหลับเป็นปกติ พละกำลังดี สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น รอยดำ เช่น ฝ้า บนใบหน้าค่อยๆ จางหายไป รอยย่น ตีนกาจะจางลง ในเดือนที่ 6 ความจำดีขึ้น ผิวหนังจะดีขึ้นไปอีก ทั้งละเอียด นุ่มนวลและมีความยืดหยุ่น ในเดือนที่ 7 ระบบภูมิคุ้มกันจะดี เนื้องอก หรือก้อนผิดปกติจะยุบไป ในเดือนที่ 8 - 9 ร่างกายอยู่ในภาวะที่แข็งแรงในทุก ๆ ด้าน
ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.1-2success.com/?ref=auto">www.1-2success.com/?ref=auto


 


ราคา: ไม่ระบุต้องการ: ขาย
ติดต่อ: สุริยา ออดี้อีเมล์: 
โทรศัพย์: IP Address: 58.8.100.108
มือถือ: 0800704424 จังหวัด: กรุงเทพมหานคร



ดูสินค้าอื่นๆ | ลงประกาศ | เลื่อนประกาศขึ้น | ลบประกาศ | แก้ไขประกาศ

[ รับจำนอง ขายฝาก บ้าน ที่ดิน ทั่วประเทศ กู้เงินง่าย ได้เงินไว ไม่เช็คแบล็คลิส ]





ประกาศอื่นๆในหมวดหมู่เดียวกัน 20 รายการ (แสดงทั้งหมด)

รูป   รายละเอียด ราคา
  350 บาท
  350 บาท
  550 บาท
  950 บาท
  370
 
  185 บาท
  350 บาท
  790 บาท
  400 บาท
 
  350 บาท
  350 บาท
  120 บาท
  180 บาท
  0 บาท
  0 บาท
  0 บาท
  0 บาท
  380 บาท