ทูบีนัมเบอร์วันฯ เวทีสร้างมิตรภาพและโอกาสสำหรับเยาวชน

  กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข จัดการแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE THAILAND CHAMPIONSHIP  2011 รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ (เมื่อวันก่อน) ณ. MCC Hall ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์บางกะปิ โดยมีทีมเข้าแข่งขันทั้ง 3 รุ่น จากทั่วประเทศ รวม 37 ทีม โดยปีนี้เน้นการเต้นแบบ K-Pop ตามสมัยนิยม  เกณฑ์การพิจารณาตัดสินที่สำคัญ คือ ความพร้อมเพรียง ความแข็งแรง ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์และความสนุกสนาน การใช้ท่าเต้นที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพและสอดคล้องกับจังหวะดนตรี การแต่งกายและความคิดสร้างสรรค์ในการเลือกเพลง เพื่อการนำเสนอให้เหมาะสม  แบ่งการแข่งขัน เป็น 3 รุ่น ได้แก่รุ่น Junior  อายุระหว่าง 6-9 ปี, รุ่น Pre-Teenage อายุระหว่าง 10-13 ปี และรุ่น Teenage อายุระหว่าง 14-24 ปี กระจายการแข่งขันไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ และเริ่มการแข่งขันคัดเลือกระดับภาคตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผลการแข่งขันปรากฎว่า น้องๆ ทีมเยสวีแคน จาก ร.ร เทศบาลประตูลี้ จ.ลำพูน  โชว์ลีลาการเต้นได้อย่างพร้อมเพรียงสร้างสรรค์ ถูกใจคณะกรรมการ คว้ารางวัลชนะเลิศรุ่นจูเนียร์ พร้อมทุนการศึกษามูลค่า 30,000 บาท  ส่วนทีมชนะเลิศรุ่นพรีทีนเอจ ได้แก่ ทีม โอเค โอเค กู๊ด กู๊ด ทีมอิสระ จากกรุงเทพฯ ได้รับทุนการศึกษามูลค่า 40,000 บาท และทีมชนะเลิศรุ่นทีนเอจได้แก่ ทีมแดนซ์จรัส โซไซตี้ จาก ร.ร มารีย์วิทยา จ.นครราชสีมา ได้รับทุนการศึกษามูลค่า 50,000 บาท โดยทีมชนะเลิศทั้ง 3 รุ่นยังได้รับถ้วยเกียรติยศพระราชทานจากทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประธานโครงการ To Be Number One อีกด้วย นอกจากนี้ภายในงานยังมีการประกวดกองเชียร์ โดยทีมชนะเลิศได้แก่ ทีม เอ ซี ที จากโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี เด็กหญิง นริศรา  รื่นรวย อายุ  6 ขวบ หนึ่งในนักเต้นจากทีม Yes We Can ผู้ชนะเลิศในรุ่นจูเนียร์ กล่าวถึงรางวัลที่ได้รับว่า “ดีใจค่ะ ตื่นเต้นด้วย ไม่คิดว่าจะได้เพราะทุกทีมเต้นกันเก่งมาก และอีกอย่างก็ไม่เคยได้รับรางวัลนี้มาก่อน พอรู้ว่าได้รับรางวัลก็ดีใจมากค่ะ พูดไม่ออก และหนูเองก็เพิ่งเต้นเป็นปีแรกด้วย ขนาดหนูไม่ได้ขึ้นไปรับรางวัลเอง เพื่อนไป ยังตื่นเต้น แทนเพื่อนเลยค่ะ เหตุผลที่ทำให้ชนะใจกรรมการ คิดว่าเป็นเพราะพวกเราเต้นพร้อมเพรียงกัน ทุกคนในทีมตั้งใจมากค่ะ เวลาครูสอนพวกเรามีสมาธิมาก คิดอย่างเดียวว่าต้องจำสเตป ให้ได้ จังหวะไหน ต้องเต้นท่าไหน  ต้องจำให้ได้ เพื่อนบางคนในทีมเต้นได้เร็วมาก แต่เพื่อนในทีมบางคนก็เต้นไม่ได้ซักที คนที่เป็นเร็วก็ต้องมาช่วยสอน ถ้าไม่อย่างนั้น ทีมก็จะไม่สามารถไปพร้อมกันได้ คือพวกเราสามัคคีกันมากค่ะ ต้องอดทน ซ้อมกันประมาณ       7 เดือน เหนื่อยมาก ตอนซ้อมมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่เราไม่ท้อค่ะ  พวกเราทุกคนมีความมุ่งมั่นกันมาก  พอหายก็มาซ้อมใหม่ จริงๆเรื่องชนะถือว่าเป็นผลพลอยได้ด้วย มันมีอะไรมากกว่านั้น ที่เวทีนี้มอบให้กับหนู  ที่แน่ๆ ได้เพื่อนค่ะ และยังรู้จักการให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่างเวลาเต้นพลาดมือเราอาจจะไปมาโดนหน้า โดนขาคนที่เต้นข้างๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ ถามว่าเจ็บมั๊ยก็คงเจ็บนะคะ (หัวเราะ) แต่ไม่มีใครโกรธใคร เพราะทุกคนรู้ว่าเพื่อนไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนี้ยังได้ความสามัคคี และฝึกความอดทน ถ้าปีหน้าครูส่งประกวดอีก หนูมาแน่นอนค่ะ ด้าน ด.ช. ศิริวุฒิ พงษ์พิทักษ์  อายุ 9 ขวบ  หนึ่งในทีมผู้ชนะเลิศระดับพรีทีนเอจ จากทีม โอเคโอเค กู๊ด กู๊ด จาก กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า “รู้สึกดีใจแบบ ใจหายวูบเลยครับ ตกใจมากเหมือนกัน เพราะว่าการที่เราเต้นกันเต็มที่ แล้วถ้าไม่ได้รางวัลเนี่ย ก็ค่อนข้างเสียใจเหมือนกันครับ กลัวเหมือนกันว่าจะไม่ได้รับรางวัล แต่พอรู้ว่าได้รางวัล       หายเหนื่อยเลยครับ เพราะพวกเราคาดหวังไว้สูง และตั้งใจมาก ซ้อมกันประมาณ  6 เดือนทุกวัน ถ้าวันธรรมดา ก็หลังเลิกเรียน นัดรวมตัวกันกันประมาณ 6 โมงเย็น ซ้อมเสร็จ 3-4 ทุ่ม ส่วน เสาร์ และ อาทิตย์ เริ่มซ้อม ประมาณ  5 โมงเย็น  จนถึง 4-5 ทุ่ม ผมถึงบอกว่าพอได้รางวัลแล้วหายเหนื่อย ยอมรับว่าหนักครับสำหรับผม แต่ต้องอดทน อย่างบางทีเจอท่าที่ยากๆ ก็มีพลาดบ้างครับ เจ็บ ร้องไห้ แต่พวกเราไม่เคยท้อครับ พอหายเจ็บก็กลับมาซ้อมใหม่ ใจสู้ครับ     การเข้าร่วมประกวดในครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าคำว่าเพื่อน ไม่ได้มีแค่ที่โรงเรียนอย่างเดียวครับ มันสามารถหาเจอได้ทุกที่ ไม่ใช่แค่คนที่เรารู้จัก และสนิทเท่านั้น ใครก็เป็นเพื่อนกันได้หมด ไม่มีแบ่งแยก แถมยังได้ความมีน้ำใจด้วยครับ       ต้องรู้จักเห็นใจผู้อื่น แบบว่าบางทีเราเต้นท่านี้ได้แล้วเพื่อนเต้นไม่ได้ เราก็ต้องเข้าใจเพื่อน เพราะคนแต่ละคนไม่เหมือนกันความสามารถไม่เหมือนกัน ก็ต้องช่วยสอนกันครับ เงินรางวัลที่ได้มาก็คงให้แม่เก็บไว้ แต่ถ้าเวลาผมต้องการซื้ออะไร ก็จะไปขอท่านอีกที  หรืออาจจะไปซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการเต้น เพื่อป้องกันการเจ็บตัวครับ” ส่วน เด็กหญิง ปวีณ์กร ตั้งธรรมมงคล  อายุ 9 ปี จาก แอ็คเซลเล้นท์ ทีม จ.ชุมพร กล่าวถึงการพ่ายแพ้ครั้งนี้ว่า “ไม่เสียใจค่ะ เพราะคิดว่าถ้าไม่ได้มาแข่งขันในระดับประเทศจะเสียใจมากกว่านี้ มาได้ถึงขนาดนี้ ก็ดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ได้มาแสดงความสามารถให้คนอื่นได้เห็น ส่วนทีมที่ได้รับรางวัล ก็สมกับตำแหน่งค่ะ เขาเต้นเก่ง ทุกทีมเลย ถ้าเป็นไปได้ปีหน้าหนูอยากมาอีก แต่คงไม่ได้แล้ว เพราะว่าอายุเกิน แล้วอีกอย่างครูสอนเต้นก็ย้ายโรงเรียนด้วยค่ะ สิ่งที่ได้จากการประกวดครั้งนี้ คือ การเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันค่ะ ได้ความสามัคคีในหมู่เพื่อนฝูง เพราะถ้าเราไม่มีความสามัคคีงานก็ออกมาไม่ดี อย่างบางทีซ้อมก็มีทะเลาะกันบ้าง เพราะแต่ละคนมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราชอบท่านี้มากกว่า แต่เพื่อนบอกว่าไม่ดี เอาท่านี้ดีกว่า ก็ไม่เป็นไรค่ะ พอซ้อมเสร็จทุกคนก็มาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม สำหรับหนูคุณพ่อ คุณแม่ก็มีส่วนสำคัญมาก ท่านไม่เคยว่าหนูเลย เพราะท่านเล็งเห็นว่า เป็นกิจกรรมที่ดี วันนี้คุณแม่ก็มาเชียร์ด้วยค่ะ แม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลแต่คุณแม่ก็บอกว่าภูมิใจที่ได้เห็นหนูเต้นอยู่บนเวทีค่ะ” การจัดการแข่งขัน DANCERCISE  ในโครงการ TO BE NUMBER ONE ตามพระดำริของทูลกระหม่อมหญิง   อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ก็เพื่อให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ดีๆ มีโอกาสแสดงศักยภาพ และได้มองเห็นคุณค่าของตนเอง รวมทั้งได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆซึ่งจะเป็นภูมิต้านทานทางด้านจิตใจที่ดีในการดำเนินชีวิต โดยมีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข  เลขานุการโครงการ รับสนองพระดำริจัดการแข่งขันโดยพัฒนารูปแบบการแข่งขันให้มีความทันสมัย และท้าทายความสามารถของเยาวชน วัยรุ่น  มาโดยต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 8 ในปีนี้ “ กิจกรรม TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE นับเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้รวมตัวกัน เพื่อแสดงพลังสร้างสรรค์ อันเป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม ถือว่าเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้วัยรุ่นจากภาวะสังคมที่ล่อแหลมในปัจจุบัน ”   ............................................................................. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม  ติดต่อ คุณกุลวีณ์  วิริโยทัย โทร 081-755 0645,       คุณอรวรรณ สุวรรณะบุณย์  โทร 02 5908410 , 0819867309