น้ำมันมะรุม Ben oil ใช้รักษาโรคผิวหนัง โรคน้ำกัดเท้า บรรเทาอาการผมร่วงง่าย รอยจุดด่างดำของผิว เป็นต้น

น้ำมันมะรุม Ben oil ใช้รักษาโรคผิวหนัง โรคน้ำกัดเท้า บรรเทาอาการผมร่วงง่าย รอยจุดด่างดำของผิว เป็นต้น

สรรพคุณของน้ำมันมะรุม
ท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ ได้บรรยายให้ความรู้ว่าน้ำมันมะรุม มีคุณสมบัติในการรักษาโรคน้ำกัดเท้า โรคผิวหนัง อันเกิดจากเชื้อรา คุณวิไลวรรณ อนุสารสุนทร ผู้เขียนหนังสือ มะรุมต้นไม้มหัศจรรย์เพื่อชีวิต ได้สรุปสรรพคุณต่าง ๆ ของน้ำมันมะรุมไว้ดังนี้

1. ช่วยบำรุงรักษาผิวที่แห้งให้ชุ่มชื่น อ่อนนุ่ม และช่วยชะลอความเหี่ยวย่นของผิว
2. ช่วยรักษาโรคเชื้อราตามผิวหนัง เช่น โรคน้ำกัดเท้า เชื้อราตามซอกเล็บ และผิวแห้งเพราะเชื้อรา
3. ช่วยรักษาแผลถูกมีดบาด หรือแผลสดเล็ก ๆ น้อย ๆ
4. ลดอาการผื่นคันตามผิวหนัง และอาการแพ้ผ้าอ้อมของเด็กอ่อน
5. ลดอาการปวดบวมของโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊าท์
6. ช่วยรักษาแผลในปาก หรือแผลของโรคปากนกกระจอก
7. ใช้นวดกระชับกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี
8. ช่วยบรรเทาอาการเกิดสิวบนใบหน้า
9. ช่วยลบรอยจุดด่างดำของผิวอันเป็นแผลจากการโดนแดด หรือการเสื่อมตามวัย
10. ใช้นวดศรีษะ รักษาโรคเชื้อราบนหนังศรีษะ บรรเทาอาการผมร่วงง่าย และอาการคันศรีษะ
11. ช่วยถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ผู้เขียน [1] ประสบโดยตรงกับตัวเองคนในบ้าน 2 คนถูกผึ้งต่อย หลังจากทาน้ำมันมะรุม อาการหายไปทันที ส่วนอาการบวมก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
12. บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามบั้นเอวและขา เนื่องจากการยืนนานๆ อาการปวดตามไหล่ และปวดศรีษะ
13. ใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นต่างๆประจำบ้าน ทำให้สิ่งของไม่เป็นสนิม


งานวิจัยในวารสารทางวิชาการระดับนานาชาติเกี่ยวกับมะรุม

1. ผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา [4] ได้เปรียบเทียบน้ำมันสองชนิดที่นิยมใช้ในเครื่องสำอางราคาแพงทั่วไป คือ น้ำมันจากลูกพลัม (plum) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อลูกพรุน (prune) กับน้ำมันมะรุม และเปรียบเทียบข้อดีของน้ำมันมะรุมเหนือน้ำมันจากลูกพลัม ซึ่งสรุปได้ดังนี้
- น้ำมันมะรุม มีความคงทน(เสถียร)ต่อการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นสูง (high oxidative stability) คือ ไม่เปลี่ยนสภาพง่าย ๆ ไม่ว่าจะนานเท่าใด น้ำมันมะรุมจะไม่เปลี่ยนสภาพของสีและกลิ่น
- น้ำมันมะรุม มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (polyunsaturated fatty acid) ในปริมาณต่ำ เพียงพอต่อการเพิ่มระดับ HDL (High-Density Lipoproteins) หรือไขมันดี และช่วยลดระดับ LDL (Low-Density Lipoproteins) หรือไขมันเลว มีประโยชน์ต่อการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้คอเลสเตอรอลไม่จับตัวเป็นก้อน และทำให้คอเลสเตอรอลหลุดออกจากผนังหลอดเลือด
- น้ำมันมะรุม ช่วยทำให้หน้าเรียบเนียน ลดจุดด่างดำให้จางลง เป็นเครื่องสำอางที่เกิดจากธรรมชาติ (natural cosmetic) ไม่ผ่านมีสารเคมี และไม่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมี [4]
- น้ำมันมะรุม ช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ซึบซาบเข้าสู่ผิวได้ไว ดังเช่น ชาวอียิปต์โบราณใช้น้ำมันมะรุมในการลบรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า [5] ในน้ำมันมะรุมมี กรดบีฮีนิก (behenic acid) และ กรดโอเลอิก (oleic acid) ซึ่งนิยมใช้เป็นส่วนผสมของครีมนวดผม และโลชั่นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ทำให้ผิวเรียบเนียน
2. น้ำมันมะรุม ช่วยปกป้องเซลล์ผิว, ช่วยในกระบวนการแอนติออกซิแดนท์และต้านอนุมูลอิสระ, ลดความมัน, ทำให้ผิวเรียบเนียน, ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิว และยับยังเชื้อแบคทีเรีย [6]
3. ในมะรุม อุดมไปด้วยสารอาหาร, กรดไขมัน และโปรตีน ที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ได้มีการทดลองเอา มะรุมไปให้สัตว์ เช่น แกะและกระต่ายกิน เพื่อทดสอบคุณค่าทางสารอาหาร [7-10]
4. นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดีย ยังได้ทำการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการนำผงที่สกัดได้จากเมล็ดมะรุม ไปลดความเข้มข้นของสารหนูที่ปนปื้อนในน้ำ และอาหาร [11]


ลักษณะเด่นจำเพาะของน้ำมันมะรุม

1. ใช้บำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น ลดรอยย่นบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน ลดจุดด่างดำ ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ไว ช่วยทำความสะอาดสิ่งแปลกปลอมบนผิวหนัง ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเก่าสร้างเซลล์ผิวใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% (natural cosmetic) ซึ่งพบได้น้อยมากในเครื่องสำอางทั่วไป
2. มีกระบวนการผลิตเครื่องสำอางค์ที่ไม่ผ่านความร้อน โดยที่ไม่ใช่เคมีเลยแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว
3. เป็นสมุนไพรที่ไม่ได้เกิดได้ทั่วไป เติบโตได้ดีในสภาพอากาศ และอุณหภูมิที่เหมาะสมเท่านั้น คือ ในเขตร้อน เช่น ในแถบอาเซียน (ASEAN) หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือจะเรียกว่า ASEAN cosmetic ก็ได้
4. เป็นเครื่องสำอางค์ที่เกิดจากธรรมชาติล้วน ๆ ไม่ได้ไปสร้างมลพิษให้กับโลกเป็นเครื่องสำอางค์ที่ช่วยลดโลกร้อนเลยก็ว่าได้ เรียกว่า green cosmetic
5. ต้นมะรุมหนึ่งต้น (อายุประมาณสองปี) จะผลิตน้ำมันมะรุมได้เพียง 20 ขวดต้องปลูกถึงจะมีให้ใช้ และต้องปลูกเป็นจำนวนมาก


อ้างอิงจากหนังสือมะรุม ต้นไม้มหัศจรรย์เพื่อชีวิต
สนใจสินค้าเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ http://www.sukkaphap.com/
โทร : 080-2401112, 02-7336307


.